อีกหลายความทรงจำแห่งการ ‘คัมแบ็ก’ ใน UCL

ลิเวอร์พูล 4-0 บาร์เซโลน่า คือไฟน่อลสกอร์สุดท้าย จากสนามแอนฟิลด์ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองฯ นัดที่ 2…
ที่จริงแล้ว ก่อนเริ่มเกมนี้ จะมีสักกี่คนคาดคิดว่า ลิเวอร์พูล ที่อยู่ในสภาพไม่พร้อม เพราะขาดทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จะสามารถพลิกสถานการณ์ จากที่แพ้ที่คัมป์ นูมา 3 ประตู จนกระทั่งพลิกโชคชะตา ยิง 4 ประตู และเอาคืน เป็นสกอร์รวม 4-3 เข้ารอบชนิดที่เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์
และใครหลายคน เอาไปเปรียบเทียบ กับ ค่ำคืนมหัศจรรย์ที่อิสตันบูล เมื่อปี 2005 ในค่ำคืนครั้งล่าสุดที่ลิเวอร์พูลเป็นจ้าวยุโรป
….หัวใจนักสู้ และ ลายเสื้อ Never give up (ไม่เคยยอมแพ้) ที่ปรากฏอยู่บนตัวของซาลาห์ที่ข้างสนาม คือเครื่องยืนยัน หัวจิตหัวใจของแข้งลิเวอร์พูลได้เป็นอย่างดี และทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงโอกาสที่จะเข้ารอบที่เหลืออยู่ไม่มาก ทำมันให้สำเร็จได้
ค่ำคืนแห่งชัยชนะที่แอนฟิลด์ ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2019 คงจะถูกเล่าขานไปอีกนานแสนนาน…และจะตราตรึงใจ ฝั่งประทับในใจแฟนบอลทั้งโลก
อย่างไรก็ตาม ในอดีตที่ผ่านมา ยังเคยมีเหตุการณ์สุดยอดแห่งการคัมแบ็ก อีกมากมายที่เกิดขึ้นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และมีการพลิกล็อก พลิกสถานการณ์มากกว่า 3 ประตู อย่างที่ลิเวอร์พูลทำด้วย และทีมที่เคยทำได้ก็คือ บาร์เซโลน่า นั่นเอง
โดยในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซีซั่น 2016-17 เปแอสเช ถล่ม บาร์ซ่า ก่อน 4-0 แต่พวกเขากลับไปเอาคืนที่คัมป์ นูได้ถึง 6-1 ทำให้ประตูรวม บาร์ซ่า เข้ารอบไปด้วยสกอร์รวม 6-5
และนั่นคือฝันร้ายของอูไน เอเมรี่ กุนซือเปแอสเช ใน ขณะนั้น และในครั้งนั้น คือการพลิกสถานการณ์ จากการตกเป็นรองมากที่สุดในนัดแรก
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่พลิกล็อก และหลายคนยังจำกันได้ ซึ่งนั่นก็คือเหตุการณ์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

แต่คราวนี้ บาร์ซ่า กลายเป็น ‘เหยื่อ’ แห่งการพลิกล็อก เพราะตอนนั้น พวกเขาอุตส่าห์นำโรม่า ตัวแทนจากอิตาลี 4-1 จากนัดแรกที่คัมป์ นู แต่สุดท้าย หมาป่ากรุงโรม กลับไปขย้ำ เมสซี่และผองเพื่อนที่โอลิมปิโก้ 3-0 ส่งผลให้โรม่า เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน
ส่วนต้นตำนานการพลิกล็อก ระดับเป็นรอง 3 ประตูนั้น เกิดขึ้นครั้งแรก ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2003-04 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อเอซี มิลาน เปิดรังซาน ซีโร่ กระหน่ำลา คอรุนญ่าก่อน 4-1 แต่ เอซี มิลาน ที่เต็มไปด้วยสตาร์ ทั้ง กาก้า, อังเดร เชฟเชนโก้, คาฟู, อเลสซานโดร เนสต้า, อันเดรีย ปิร์โล่, เปาโล มัลดินี่ กลับถูก ลาคอรุนญ่า ที่มีพ่อมดแห่งริอาซอร์ อย่าง ฮวน คาร์ลอส บาเลรอน เปิดบ้านถล่มเอาคืน 4-0 (และปีนั้น เป็นปีสุดท้าย ที่แชมเปี้ยนส์ ลีก มีแชมป์จากลีกรองๆ อย่าง ปอร์โต้ จากโปรตุเกสก้าวไปเป็นแชมป์ด้วย)

นอกจากนี้ แมนฯยูไนเต็ด ที่ปีนี้ จะตกรอบไปแล้ว…. แต่ในซีซั่นนี้พวกเขาก็ทำ ‘สิ่งที่น่าจดจำ’ เพราะพวกเขาคือทีมแรก ที่ต้องตกเป็นรองก่อน 2 ประตู จากผลงานนัดแรกในบ้าน โดยแพ้เปแอสเช คาโอลด์ แทรฟฟอร์ด 0-2 แต่นัดที่สองที่เล่นเป็นเกมเยือน สามารถพลิกเข้ารอบได้ จากการบุกไปชนะที่ปาร์ค เดอ แพรงซ์ 3-1 เข้ารอบตามกฏประตูทีมเยือน…
และในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังมีเรื่องที่น่าจดจำอีกมากมาย ที่เป็นพวกแพ้นัดแรกนอกบ้านก่อน ด้วยผลต่าง 2 ประตู แต่สามารถกลับมา ‘ตบ’ ในบ้านตัวเองได้ในนัดที่ 2 อาทิ
-เชลซี 3-1 บาร์ซ่า , บาร์ซ่า 5-1 เชลซี (ต่อเวลาพิเศษ) ฤดูกาล 1999/2000 รอบ 8 ทีม
-เรอัล มาดริด 4-2 โมนาโก , โมนาโก 3-1 เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2003-04 รอบ 8 ทีม
-นาโปลี 3-1 เชลซี , เชลซี 4-1 นาโปลี (ต่อเวลาพิเศษ) ฤดูกาล 2011-12 รอบ 16 ทีม
-เอซี มิลาน 2-0 บาร์ซ่า , บาร์ซ่า 4-0 เอซี มิลาน ฤดูกาล 2012-13 รอบ 16 ทีม
-โอลิมเปียกอส 2-0 แมนฯยูไนเต็ด , แมนฯยูไนเต็ด 3-0 โอลิมเปียกอส ฤดูกาล 2013-14 รอบ 16 ทีม
-เปแอสเช 3-1 เชลซี , เชลซี 2-0 เปแอสเช ฤดูกาล 2013-14 รอบ 8 ทีม
-ปอร์โต้ 3-1 บาเยิร์น , บาเยิร์น 6-1 ปอร์โต้ ฤดูกาล 2014-15 รอบ 8 ทีม
-โวล์ฟสบวร์ก 2-0 เรอัล มาดริด , เรอัล มาดริด 3-0 โวล์ฟสบวร์ก ฤดูกาล 2015-16 รอบ 8 ทีม
-แอต.มาดริด 2-0 ยูเวนตุส , ยูเวนตุส 3-0 แอต.มาดริด ฤดูกาล 2018-19 รอบ 16 ทีม
สำหรับ สิ่งที่ ลิเวอร์พูล ทำเมื่อคืนนี้ โดยที่มีบาร์ซ่าเป็นเหยื่อ แม้มันจะไม่ใช่ ‘การพลิกล็อก’ ที่มากมายที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ลีก
แต่สิ่งนี้ก็ทำให้หัวใจของเดอะค็อปพองโต และเต็มไปด้วยความสุขแล้ว เพราะพวกเขา ไม่ยอมแพ้ จริงๆ …