ถึง ไรอัน กิกส์ จะพิชิตแชมป์กับ “ปีศาจแดง” มาแล้วมากมายถึง 34 รายการ ลงสนามรับใช้ทีมมากถึง 963 นัดตลอดระยะเวลา 23 ปี และเกียรติประวัติอีกมากมายนับไม่ถ้วนในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
แต่น่าเศร้าที่เราไม่เคยได้เห็นปีกพ่อมดชาวเวลส์ลงเล่นในฟุตบอลรายการระดับเมเจอร์อย่างฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลยูโร มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว
เหตุผลนั้นเรียบง่ายเพราะ “มังกรแดง” ในยามนั้นไม่มีขุนพลที่แข็งแกร่งพอที่จะผ่านด่านเข้าไปสู่รายการระดับสูงสุดของโลกได้ ซึ่งความจริงก็ไม่ใช่เพียงแค่เขาที่ล้มเหลว เพราะยอดนักเตะอย่าง จอห์น โตแช็ก, เอียน รัช, เนวิลล์ เซาธอลล์ และมาร์ค ฮิวจ์ส เองก็ทำไม่ได้เช่นกัน
และที่สำคัญตัวเขาเองก็ดูจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรับใช้ทีมชาติมากสักเท่าไหร่นัก โดยตลอดช่วงชีวิตการเล่นนักฟุตบอลอาชีพ กิกส์ รับใช้เวลส์เพียงแค่ 64 นัดเท่านั้น
เรื่องนี้เป็นหนึ่งในรอยด่างพร้อยของชีวิตลูกหนังที่ควรจะสมบูรณ์แบบ บ้างก็แอบสงสัยว่าหากกิกส์ ซึ่งเคยติดทีมเยาวชนของอังกฤษมาก่อนตัดสินใจจะเลือกเล่นให้ทีม “สิงโตคำราม” มากกว่า เขาก็อาจจะมีเส้นทางในทีมชาติที่น่าจดจำมากกว่านี้
อย่างไรก็ดีในวันนี้ กิกส์ มีโอกาสที่จะลบความทรงจำที่เลวร้ายและความเจ็บปวดทั้งปวงที่เคยเจอ ในเกมฟุตบอลยูโรรอบคัดเลือก 2020 ที่จะลงสนามพบกับทีม “แม็กยาร์” ฮังการี ในค่ำคืนนี้
เกมที่ใครชนะก็ได้ไป (winner-takes-all)! และกิกส์ ก็อยากชนะเพื่อพาเวลส์ เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันให้ได้ด้วย หลังจากที่สร้างตำนานไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ในฟุตบอลยูโร 2016 ทั้งๆที่เป็นการเข้ารอบรายการเมเจอร์รายการแรกของเวลส์นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1958
ที่ผ่านมาในรอบคัดเลือก เวลส์ ภายใต้การนำของอดีตปีกพ่อมดเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก พวกเขาเก็บได้แค่ 3 คะแนนจาก 3 นัดแรก และแพ้ฮังการี ในเกมเยือนเมื่อเดือน มิ.ย. แต่หลังจากนั้นพลพรรคมังกรแดงไม่เคยแพ้ใครอีกเลย
ถ้าชนะฮังการีได้ในเกมนี้ กิกส์ จะพาทีมเวลส์เข้ารอบสุดท้ายของรายการระดับเมเจอร์ได้สำเร็จ – แม้จะไม่ใช่ในฐานะผู้เล่นก็ตาม
แต่กิกส์ ยืนยันว่าความสำคัญของเกมนี้ไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อยู่ที่ชาวเวลส์ทุกคน
“มันไม่ได้เกี่ยวกับผม มันเป็นเรื่องของประเทศของเราทั้งประเทศ”
“ทีมเมื่อปี 2016 ทุกคนที่ไม่ว่าจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นแฟนๆที่ไปดูในสนาม หรือดูทางทีวี เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ ซึ่งถ้าเราสร้างบรรยากาศแบบนั้นได้อีกครั้งมันก็จะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก”
“มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอะไร ในฐานะผู้เล่นของผมมันจบไปนานแล้ว ตอนนี้ผมคือผู้จัดการทีม ผมคิดว่าเราได้พาตัวเองมาอยู่ในตำแหน่งที่ดี เรายังเหลือเกมอีกหนึ่งนัดและเป็นเกมที่ยากด้วย ดังนั้นเราต้องการชนะเพื่อจะเข้ารอบให้ได้”
ในเกมนี้ เวลส์ น่าจะได้ใช้งานสองคีย์แมนอย่าง แกเร็ธ เบล และ อารอน แรมซีย์ ที่มีปัญหาสภาพความฟิตจนลงสนามตัวจริงไม่ได้กอนหน้านี้ โดยในตำแหน่งของแรมซีย์ หากได้ลงเล่นก็จะเป็น แฮร์รี วิลสัน เจ้าหนูดาวรุ่งที่คงต้องหลีกทางให้
โจ อัลเลน ห้องเครื่องในแดนกลางจะกลับมาอีกครั้งแทนที่ของ โจ มอร์เรลล์ ที่เล่นได้ยอดเยี่ยมในเกมเยือนอาเซอร์ไบจาน ในนัดที่แล้ว
ขณะที่ฮังการี ขาดเซ็นเตอร์แบ็กตัวหลักอย่าง วิลลี ออร์บาน ที่บาดเจ็บ รวมถึงมิฮาลี คอร์ฮัต และลาสซ์โล ไคลน์ไฮส์เลอร์ ที่ติดโทษแบน
“เราต้องแสดงให้เห็นถึงความเชื่อ เราต้องมีความกล้า กล้าที่จะเล่นกับบอล” กิกส์ กล่าวปลุกใจลูกทีม
“ตอนนี้โมเมนตัมมาทางเรา แต่ผมคิดว่าเราต้องพยายามทำให้ดีกว่าเดิมหากต้องการจะชนะ แต่ผมเชื่อในผู้เล่นของผม ผมเชื่อในทีมชุดนี้ที่เรามีด้วยคุณภาพที่พวกเขาแสดงให้เห็น”
ทั้งนี้หากเวลส์ชนะในเกมนี้พวกเขาจะได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติแต่หากไม่ชนะก็ยังมีโอกาสจะได้เล่นเพลย์ออฟในเดือนมี.ค. อยู่ในมือ