ทีมของ “ตัวเอง”

ปกติแล้ว “โค้ช” คนใหม่ เช่น อูไน เอเมรี่ จะใช้เวลาเฉลี่ยสัก 2-3 transfer windows นะครับในการสร้างทีมของตัวเองจนกล้าพูดได้เต็มปากว่า นี่แหละคือ ทีมที่ตัวเองต้องการ
ทีมที่จะสามารถสร้างรูปแบบการเล่นให้เป็น “ลายเซ็น” ของตัวเองได้
เหตุผลก็พอเข้าใจได้นะครับว่า บอร์ดบริหารคงไม่กล้า “ทุ่ม 100%” อย่างรวดเร็วเพื่อสนับสนุนกุนซือคนใหม่
หรือ “เวลา” จะมีเพียงพอในการได้ทำงาน “ปฏิบัติการ” ล่าฝันนักเตะที่ต้องการ หรือจะมีงบประมาณพอเพียงในเวลาสั้น ๆ แค่สัก 1 ทรานส์เฟอร์
ดังนั้นเราจึงเห็นทีมอย่าง อาร์เซนอล หรือแม้แต่ เชลซี ของเมาริซิโอ ซาร์รี ยังดูขาด ๆ เกิน ๆ อยู่บ้าง
อีกทั้งกุนซือก็พูดให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ ว่า “ของขาด” และแน่อนนครับว่า ตลาดนักเตะรอบหน้า หรือรอบต่อ ๆ ไปก็คงได้มีการซื้อเพิ่มเพื่อ “สะสม” กำลังพลก่อนจะเป็นทีมของตัวเอง
เป๊ป กวาร์ดิโอลาร์ ก็ “กระอัก” ไม่ใช่น้อยในซีซั่นแรกก่อนจะโละกองหลัง และคว้านายทวาร เอแดร์สัน มาสร้างปรากฎการณ์ “100 แต้ม” แชมป์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา
—
เยอร์เก้น คลอปป์ กับซีซั่นล่าสุด และหลังคว้า “จิ๊กซอว์” สำคัญ ๆ โดยเฉพาะเกมรับอย่าง อลิสซง ตามหลัง เวอร์จิล ฟานไดต์ ไม่เพียงแต่ทำให้มีทีมที่แข็งแกร่งขึ้น
ทว่า “รูปแบบ” การเล่นก็ดูเหมือนจะปรับไปพอสมควร
ทำให้ได้เห็น “ปรัชญา” รับต่ำ หรือตั้งใจมารับในแดนตัวเองมากขึ้น
มากกว่ายุคแรกที่ “เพรสซิ่งสูง” เพราะอาจจะเห็นว่า ผู้เล่นกองหลังไม่ดีจึง “กล้าวัด” ด้วยการดันสูงวัดกันตั้งแต่แดนบนเสียเลย
อันนี้เป็น “อีกมุม” แบบหล่อ ๆ ที่อาจไม่โดนใจแฟนหงส์แดงนักนะครับ
อย่างไรก็ดี อาร์เซนอล ที่ไม่แพ้มาแล้ว 18 นัดจัดว่า ทำได้ดีกว่าที่ทุก ๆ คน ทุก ๆ ฝ่ายคาดการณ์ และคาดหวัง
อันดับไม่เพียงแต่ลุ้น “ท็อปโฟร์” แต่เหมือนมีคำถามแล้วว่าจะร่วมเป็น “แคนดิเดท” เกาะลุ้นแชมป์ไปห่าง ๆ ได้หรือไม่?
เพราะด้วยฟอร์มแบบนี้ที่เพิ่งปราบสเปอร์ส 4-2 หลังโดนนำ 1-2 จัดว่า “เข้าตา” ทุกกรรมการเป็นอย่างยิ่ง
ก็แน่นอนครับหลังทีมตราไก่ปราบทั้ง เชลซี 3-1 ชนิดเปิดบริสุทธิ์ตามด้วยเฉือนอินเตอร์ มิลาน 1-0 จนกลับมามีลุ้นใน UCL
ใคร ๆ ก็คาดหมายการเดินหน้าของทัพนักเตะ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
เฉพาะอย่างยิ่ง 4 ประสาน: เคน, อัลลี, ซง, เอริคส์เซ่น ที่เล่นร่วมกัน 21 นัดหลัง และแพ้เพียง 1 นัด โดยชนะถึง 14 นัด
ต่างจากการเล่นไม่พร้อมกันของ “จตุรเทพ” ที่แพ้ถึง 9 นัดจาก 30 เกม
ทว่า ผลงานในดาร์บี้แมตช์ตอนเหนือลอนดอนเกมนี้ถือว่า “ช็อก” เพราะเล่นกันไม่ออกโดยเฉพาะครึ่งหลัง
ต่างจากอาร์เซนอลที่ เอเมรี่ กล้าเปลี่ยนตัวรวดเดียว 2 คนตั้งแต่พักครึ่ง เอาทั้งแรมซีย์ กับลากาแซตต์ ลงมาแทน มคิห์ตายาน กับอิโวบี้
ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไปจาก “ความกล้า” ของกุนซือสแปนิชที่แสดงให้เห็นความสามารถในการ “แก้เกม” ครึ่งหลัง
หรือการปรับเปลี่ยนแท็คติกส์การเล่นระหว่างเกมบ่อยครั้ง
นักเตะไม่เพียงแต่ “ตอบสนอง” ในทางบวกแบบ “เข้าใจ” ในสิ่งที่กุนซือต้องการ
ทว่า ขุนพลอาร์เซนอลกำลังได้คำชมว่า มี “พลังต่อสู้” ต่างจากยุค อาร์เซน เวนเกอร์
ลูคัส ตอร์เรร่า กับตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ แทบจะได้รับคำชมว่าเป็น 1 ในการซื้อประจำฤดูกาลนี้กับราคาแค่ 26 ล้านปอนด์
มาร์ติน คีโอว์น บอกว่า ดาวเตะอุรุกวัยนี่แหละ “ใกล้เคียง” ปาทริซ วิเอร่า มากที่สุดแล้ว
ไม่ใช่ “ขนาด” นะครับ แต่เป็น “ใจสู้” ขับเคลื่อนทีม
มุมของผมในวันนี้จึงอยู่ที่ อาร์เซนอล ณ วินาทีนี้อาจจะยังไม่ใช่ “ทีมเอเมรี่ 100%”
ทว่า “พื้นฐาน” ทั้งหมดถูกปูไว้พร้อมแล้ว ในเวลาที่ “รวดเร็ว” เหลือเกิน