อนาคตที่อาจดับวาบเพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบของ ไมล์ส การ์เร็ตต์

ศึกอเมริกันฟุตบอล NFL เมื่อวานนี้ มีเรื่องราวอื้อฮาว และ ว่ากันว่า “บ้าบอ” ที่สุดครั้งหนึ่งในวงการ “คนชนคน” เมื่อ ไมล์ส การ์เร็ตต์ ดีเฟนซีฟเอนด์ (ตำแหน่งไล่อัดควอร์เตอร์แบค) ของ คลีฟแลนด์ บราวน์ส ไปเล่นนอกเกมเกินขอบเขตด้วยการใช้หมวกกันน็อคของ เมสัน รูดอล์ฟ ควอร์เตอร์แบค ของ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ทีมคู่แข่ง จนทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต และมีคนโดนไล่ออกจากเหตุการณ์นี้ถึง 3 คน
สำหรับกีฬาสุภาพบุรุษอย่าง อเมริกันฟุตบอล NFL การเล่นหนักในเกม หรือ แม้กระทั้ง “ชีปช็อต” (การเล่นนอกเกมในจังหวะแบบจังหวะแถม ที่ยังอยู่ในเกม) ถือว่าเป็นเรื่องที่ยังยอมรับกันได้ และทุกอย่างจะจบลง โดยทุกคนยังกลับมาจับมือกัน กอดกันได้ หลังจบเกม แต่ไม่ใช่จังหวะที่ การ์เร็ตต์ ก่อขึ้น เพราะนั่นเป็นการเล่นนอกเกมที่ ไม่มีการเล่นในเกมปนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว และมันยังเป็นเรื่องที่แม้แต่เพื่อนร่วมทีมด้วยกันเอง ยังยอมรับไม่ได้เลย
“นี่เป็นสิ่งไม่น่าให้อภัย” เบเกอร์ เมย์ฟิลด์ ควอร์เตอร์แบคของ บราวน์ส เพื่อร่วมทีมของ การ์เร็ตต์ กล่าว “เรื่องแบบนั้น มันอันตรายมาก เห็นแล้วทำใจยาก ในเมื่อผมเองก็รู้จัก เมสัน”
ขณะที่อดีตนักกีฬาก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
“ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้า การ์เร็ตต์ พลาดการลงสนามทั้งฤดูกาลที่เหลือ และ อีกครึ่งของฤดูกาลต่อไป” จัสติน ฟอร์เซ็ตต์ อดีตตัววิ่งกล่าว “มันเป็นสถานการณ์ที่น่าเกลียด เมสัน อาจจะบาดเจ็บหนักจนชีวิตเปลี่ยนไปในอีกทิศทางหนึ่งเลยก็ได้ ฟุตบอล เป็นกีฬาที่ต้องมีอารมณ์ร่วม แต่นี่ไม่เหมือนกัน”
ขณะที่ เร็จจี บุช อดีตตัววิ่งดัง ก็ทวีตบนทวีตเตอร์ ว่า “ในตลอดชีวิตนักฟุตบอลของผม นี่อาจจะเป็นสิ่งที่บ้าบอที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในสนาม พวกเขาน่าจะแบน ไมล์ส การ์เร็ตต์ นาน 30 ปี! ยังมีการกระทืบกันนั่นด้วย นี่มันกุ้ยสู้กันชัด ๆ เกลียดที่จะเห็นว่า เกมของพวกเรา ไม่ใช่อะไรที่การเล่นฟุตบอลอาชีพจริง ๆ”
จังหวะดังกล่าว ถ้าไปอยู่บนถนนนอกสนาม เรื่องจะไปจบลงที่สถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนี่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธ ซึ่งจะโทษานุโทษหนักกว่าการทำร้ายร่างกายด้วยมือเปล่าอย่างแน่นอน และที่สำคัญ เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นจากจังหวะที่ “ไม่มีความหมายต่อเกมแล้ว” เพราะมันเกิดขึ้นขณะการแข่งขันเหลือเพียงแค่ 8 วินาทีสุดท้าย ซึ่งตอนนั้น คลีฟแลนด์ ชนะไปแล้วอย่างไม่เป็นทางการด้วยสกอร์ 21-7
แน่นอนว่าทันทีที่เหตุการณ์เกิดขึ้น ทั้งคนในวงการ NFL และ แฟน ๆ ก็ต่างพร้อมใจกัน “สวด” ใส่พฤติกรรมของ การ์เร็ตต์ บนโลกโซเชียล อย่างพร้อมเพรียงกัน และมีกระแสเรียกร้องให้ แบน การ์เร็ตต์ อย่างน้อย 1 ฤดูกาล สำหรับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น
NFL ก็เป็นลีกที่หูไวตาไว และมีการตัดสินใจที่รวดเร็วอยู่แล้ว ไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากมีเรื่องราวกัน ในที่สุด ลีก “คนชนคน” ก็สั่งแบน การ์เร็ตต์ “ไม่มีกำหนด” และจะไม่ได้รับค่าจ้างตลอดเวลาที่เขาโดนแบนด้วย และนอกจาก การ์เร็ตต์แล้ว ผู้มีส่วนกับ “ความวุ่นวาย” ในเกมนั้น ทั้ง มาร์คิช พอนซีย์ ผู้เล่นของพิตต์สเบิร์ก ที่เป็นเดือดแทนรูดอล์ฟ จนไปออกหมัดและเตะใส่ การ์เร็ตต์ ก็โดนแบน 3 เกม ขณะที่ แลร์รี โอกุนโจบี ที่วิ่งไปผลักแถมใส่รูดอล์ฟ โดนแบน 1 เกม ขณะที่ทั้ง 2 ทีม โดนปรับกันฝ่ายละ 250,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 7.55 ล้านบาทด้วย
อย่างไรก็ตาม โทษที่ NFL ลงโทษไป อาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะไม่มีอะไรการันตีว่า จะไม่มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต แต่ที่แน่ ๆ อนาคตของ การ์เร็ตต์ อยู่ในเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่แล้ว ว่าจะมีใครให้โอกาสกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นร เพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบของเขาอยู่หรือไม่?
เกร็ดน่าสนใจ
- มีคนตั้งข้อสังเกตุว่า เกมนี้ คลีฟแลนด์ เล่นแรกเป็นพิเศษตั้งแต่ต้นเกมอยู่แล้ว
- โดยก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ มีผู้เล่น 2 คนของ สตีลเลอร์ส ที่ต้องออกจากสนาม เพราะอาการ คอนคัชชั่น หรือ สมองได้รับความกระทบกระเทือน
- หนึ่งในนั้น คือ ดีออนเท จอห์นสัน ที่โดนอัดที่ศีรษะจนเลือดออกหู
- จากจังหวะอัดใส่จอห์นสัน ทำให้ ดามาเรียส แรนดอล โดนไล่ออกทันที
- เท่ากับว่า เกมนี้ มีผู้เล่นทั้ง 2 ทีม โดนไล่ออกรวม 4 คน