ซีดาน (รี) เทิร์น

ก่อนเกมที่สนามโจเซ โซรินญา จะเริ่มขึ้นได้เกิดปัญหาระบบไฟฟ้าขัดข้องทำให้ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นในห้องแต่งตัว ในห้องไดเรคเตอร์ บ็อกซ์ หรือแม้แต่ในสนาม
แฟนบอลที่เข้าไปชม – ไม่ว่าจะเป็นเรอัล บายาโดลิด หรือเรอัล มาดริด ต่างต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเพ่งมองว่านักฟุตบอลที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆในสนามนั้นมีใครบ้าง
หลายคนพยายามใช้แสงไฟจากโทรศัพท์ในการช่วยจุดประกายเพื่อต่อสู้กับบรรยากาศมืดมนอนธการ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้อะไรดีขึ้นได้มากนัก
ที่ห้องผู้ตัดสินมีการพูดคุยกันอย่างกังวลว่าอาจจะต้องมีการเลื่อนเกมการแข่งขันออกไปก่อนหรือไม่หากกระแสไฟยังไม่กลับมาภายในกำหนด
แต่ไม่นานนักไฟส่องสว่างก็กลับมา ทุกอย่างกลับมาดำเนินต่อไปได้เหมือนเดิม
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมระหว่าง เรอัล บายาโดลิด กับเรอัล มาดริด นั้นชวนให้คิดถึงสถานการณ์ภายในทีม “ราชันชุดขาว” ที่มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ
เมื่อชีวิตที่มืดมนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาของชาวโลส บลังโกส ได้กลับมาพบกับแสงสว่างอีกครั้งเมื่อ ซีเนอดีน ซีดาน ตอบรับคำเชิญจากฟลอเรนติโน เปเรซ ที่จะกลับมาคุมทีมอีกครั้งเป็นคำรบที่ 2
เป็นการตอบรับที่ช่วยปัดเป่าความกังวลใจที่อัดแน่นในอกของชาวมาดริดิสต้ามานานให้คลายและหายไปในแทบจะทันที
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วครับ โดยในช่วงค่ำของคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินว่าเรอัล มาดริด ต้องการซีดาน
และการแต่งตั้งจะเกิดขึ้นทันทีภายในช่วงเย็นที่สเปน
ไม่มีเวลาให้คิด สงสัย ตั้งคำถาม หรือคลางแคลงใจ – สำหรับ เรอัล มาดริด และสำหรับฟลอเรนติโน เปเรซ พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะกอบกู้สโมสรที่กำลังล่มจมได้ก็คือคนที่ตัดสินใจทิ้งพวกเขาไปเมื่อ 284 วันก่อน
ซีดาน คือคนแรกที่พวกเขาต้องการ

เพียงแต่ก็ไม่ใช่คนเดียวที่พวกเขาคิดถึง
ช่วงระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ เปเรซ ได้ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเพื่อคิดหาทางแก้ไขวิกฤติให้กับสโมสร หลังจากที่เจอกับช่วงเวลาวิปโยคด้วยการพ่ายในศึก “เอล กลาสิโก” 2 นัดติดต่อกันทั้งในโคปา เดล เรย์ และลาลีกา ซึ่งทำให้ทีมหมดหวังกับการคว้าแชมป์ภายในประเทศ ก่อนจะเสียท่าให้อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ทีมที่พวกเขามองข้ามด้วยความปราชัยย่อยยับหมดรูปที่ซานติอาโก เบอร์นาบิว
ความสิ้นหวังทำให้สถานการณ์ภายในทีมตึงเครียด หลังเกมจบลง เปเรซ เข้าไปในห้องแต่งตัวและเกิดการปะทะคารมกับตัวแทนสูงสุดของฝ่ายผู้เล่นอย่าง เซร์คิโอ รามอส ถึงขั้นมีการประกาศไม่เผาผีต่อกัน
“กูจะขายมึง”
“มึงจ่ายเงินมา กูจะไป”
คำพูดอาจฟังดูหยาบ แต่อารมณ์เป็นเช่นนั้น
ในหมู่ผู้เล่นเองก็มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แม้กระทั่งใน 2 นักเตะอาวุโสของทีมอย่าง รามอส และมาร์เซโล เองก็มีปัญหากันเองจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
เช่นกันกับเรื่องของ แกเร็ธ เบล และ อิสโก ที่คนหนึ่งโค้ชรักแต่แฟนไม่รัก ขณะที่อีกคนแฟนรักแต่โค้ชไม่รัก
สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ที่ยากและอาจซับซ้อนเกินกว่าที่คนนอกจะแก้ไขได้ เพียงแต่ปัญหาที่ผ่านมาคือทุกครั้งที่ถามไถ่ คำตอบของซีดาน ที่มีให้กับเปเรซ คือคำว่า “ไม่”
ไม่ ไม่ใช่เพราะไม่อยากรับงาน
ไม่ ไม่ใช่ว่าไม่รัก
แต่เป็นเพราะเขารู้ว่าทีมต้องการความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงนั้นจำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุนที่ดีพอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับจากเปเรซมาก่อน และเคยถูกปฏิเสธจนทำให้ตัดสินใจที่จะอำลาทีมอย่างกระทันหันหลังนำทีมสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ยุโรปได้ 3 สมัยติดต่อกัน
เหตุผลที่บอกว่าหลังช่วงเวลาที่เขานำทีมคว้าแชมป์ยุโรป 3 สมัย ทีมจำเป็นต้องมีความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด
ซีดาน ไม่ได้กลัวความเปลี่ยนแปลง แต่เขากลัวที่จะไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนแปลง
เมื่อคนแรกที่คิดถึงตอบว่าไม่ ทำให้เปเรซ จึงพยายามองหาตัวเลือกอื่น ซึ่งตัวเขาเองชื่นชอบในตัวของ The Special One โจเซ่ มูรินโญ่ ช่วงระยะเวลา 3 ฤดูกาลที่ได้ร่วมงานกันเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทั้งสอง
แต่มันไม่ได้ดีสำหรับทุกฝ่าย อย่าว่าแต่แฟนบอลมาดริดิสต้าเลย ในหมู่นักฟุตบอลเองก็ไม่ต้อนรับมูรินโญ โดยเฉพาะกัปตันอย่าง รามอส ที่เคยสู้รบปรบมือกันมานักต่อนัก
จะให้กลับมาร่วมงานกันใหม่แบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร มันเป็นไปไม่ได้
การยืนกรานเสียงแข็งของรามอส และอีกหลายคนทำให้เปเรซ ลังเลใจที่จะดึงตัวมูรินโญ กลับมาทั้งที่ใจไปแล้วเกินค่อน
โปเช็ตติโน่? เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับอนาคต แต่อย่างที่บอกปัญหามันค่อนข้างยาก มีความสลับซับซ้อน และการจะดึงตัวเขามาจากสเปอร์สใช่จะเป็นเรื่องง่ายเสียเมื่อไหร่ ต่อให้เขาอยากจะย้ายออก และพยายามให้ย้ายออกมาจนได้ก็อาจใช้เวลานานและเหนื่อยมากเกินไปจนไม่เหลือเวลาที่จะปรับทัพเสริมทีมได้ทันเวลา
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ เปเรซ ตัดสินใจขอคุยกับซีดานอีกครั้ง
คราวนี้เขากลับไปพร้อมกับข้อเสนอใหม่

ง่ายๆ – อยากได้อะไรก็ขอให้บอกมา
นักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์ งบประมาณการทำทีม อำนาจการตัดสินใจ หรือสิ่งใดอื่น แค่ขอมาถ้าไม่ยากเกินจะให้ก็จะนำมากองตรงหน้า
สำหรับซีดาน เขารู้ว่าการที่คนอย่างเปเรซ “ยอม” มากขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ
มันเป็นคำขอที่ไม่ต่างอะไรจากการขอร้องครั้งสุดท้าย
18 ปีที่รู้จักกันมา เปเรซ ให้หลายสิ่งหลายอย่างกับซีดาน ซึ่งมันมีค่าและความหมายมากเกินกว่าที่เขาจะปฏิเสธคำขอครั้งนี้ได้
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ซีดานกลับมายอมรับข้อเสนอของเปเรซ ในการกลับมาเป็นนายใหญ่ที่เบอร์นาบิวอีกครั้ง
งานนั้นไม่ง่าย แต่เขาพร้อม
เพราะเขารู้ว่าคราวนี้เขาไม่ได้สู้โดยลำพัง และไม่ได้สู้โดยไม่มีอาวุธติดมือ
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงยังพัดต่อไปที่เบอร์นาบิว เหมือนที่พัดตลอด 284 วันที่ผ่านมา
สิ่งเดียวที่แตกต่างคือวันนี้แสงสว่างและความอบอุ่นได้กลับมาอีกครั้ง