1 ใน 500,000 วิธี

จังหวะหัวใจของเหล่าเดอะ ค็อป น่าจะเริ่มสงบลงบ้างหลังจากที่มันถูกบีบ คั้น เค้น ด้วยแรงกดดันมหาศาล ความหวาดกลัวในหัวใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกระเบิดออกเมื่อลูกโหม่งของโม ซาล่าห์ หลุดมือของฮูโก้ ญอริส ก่อนไปถูกขาของโทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ไหลข้ามเส้นไปอย่างช้าๆ ต่อหน้าอัฒจันทน์ ค็อป เอนด์
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ลิเวอร์พูล ยังรักษาความหวังในการลุ้นแชมป์เอาไว้ได้ต่อไป
มากกว่านั้นมันยังทำให้พวกเขาเริ่มเกิด “ความเชื่อ” ด้วยว่า บางทีมันอาจจะเป็นปีของพวกเขาจริงๆสักที
เรื่องนั้นเรายังตอบกันไม่ได้ครับเพราะการแข่งขันยังไม่จบ สำหรับพวกเขายังเหลืออีก 6 นัดที่ต้องฝ่าฟัน ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีเกมในมืออีก 7 นัดและความได้เปรียบพอสมควรเพราะพวกเขามีประตูได้เสียที่ดีกว่ามาก ซึ่งนั่นหมายถึง “คะแนนที่มองไม่เห็น”
ที่บอกว่าเป็นคะแนนที่มองไม่เห็นนั้นหมายถึง สมมติหากลิเวอร์พูลพลาดเสมอในเกมเมื่อคืนนี้ แม้แต้มจะเท่ากันแต่จะลงแข่งมากกว่า 1 นัดและยังเป็นรองเรื่องผลต่างประตูได้เสียด้วย นั่นหมายถึงการที่ซิตี้ จะมีโอกาสพลาดอีก 2 นัดในช่วงที่เหลือของฤดูกาล
สำหรับทีมที่กวาดชัยชนะเป็นว่าเล่นอย่างพวกเขา ต่อให้จินตนาการได้ว่าจะมีการผิดและพลาดบ้าง 2 นัดก็อาจจะมากเกินไป
เพียงแต่มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องสนใจนัก เพราะสิ่งที่พวกเขาควรสนใจมากที่สุดคือการทำให้ดีที่สุดในช่วงเวลาที่เหลือ
เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับครับว่าเกมนี้ลิเวอร์พูล มี“ดวง” เข้ามาช่วย

ใครจะคิดว่าญอริส ประตูแชมป์โลกจะพลาดรับหลุดมือแล้วบอลจะไปโดนขาของอัลเดอร์ไวเรลด์ เข้าประตูไปในช่วงนาทีชี้เป็นชี้ตายของเกม
พูดให้ถูกกว่านั้นคือเป็นวินาทีที่ความหวังนั้นแทบไม่เหลือแล้ว
แต่ถึงจะเป็นชัยชนะที่ได้มาจากดวงก็เถอะ ณ เข็มนาฬิกาเดินไป คล็อปป์ ก็ไม่สนใจแล้ว เขาบอกกับลูกทีมหลังเกมจบลงว่า “มันมีวิธีมากกว่า 500,000 วิธีที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในเกมฟุตบอล และวันนี้มันอาจจะดูเป็นชัยชนะที่น่าเกลียดสักหน่อย แต่ไม่มีปัญหา เราน้อมรับมัน”
“ถ้าปราศจากโชคเราก็อาจจะไม่สามารถมาอยู่ในจุดที่เราอยู่ทุกวันนี้ได้ มันเป็นไปไม่ได้เลย เด็กๆของผมพยายามอย่างหนักมาก และพวกเขาก็สมควรจะได้มีโชคบ้าง และผมก็พอใจอย่างมากกับผลการแข่งขัน”
คำพูดของเขาทำให้ผมคิดถึงคำพูดของ Dr.Strange ที่ใช้มณีแห่งกาลเวลา Time Stone มองผ่านห้วงเวลาแห่งอนาคตเพื่อหาทางที่จะเอาชนะธานอสให้ได้
หมอแปลกมองเห็นอนาคตมากถึง 14,000,605 แบบ แต่ในจำนวนนั้นมีเพียงแค่หนทางเดียวที่จะเอาชนะธานอสได้ ซึ่งเรายังไม่รู้และเราจะได้รู้หลังภาพยนต์ภาคสุดท้าย Avengers: End Game เข้าฉายในช่วงปลายเดือนนี้
แต่สำหรับลิเวอร์พูลแล้ว ผมคิดว่าใน 500,000 วิธีที่จะเอาชนะเกมการแข่งขันได้นั้น
มีแค่วิธีเดียวที่พวกเขาจะไปถึงฝันได้
วิธีนั้นไม่ใช่การนั่งฝัน นอนฝัน หรือแค่รู้สึก “เชื่อ” ว่าพวกเขาจะทำได้
มันเบาบางเกินไปในความตั้งใจ
หนทางเดียวจริงๆที่ลิเวอร์พูลจะไปถึงความฝันที่เฝ้ารอคอยมายาวนานเกือบ 30 ปีได้คือการ “พยายาม” ให้ถึงที่สุด
ลองมองย้อนกลับไป กับการที่ริยาด มาห์เรซ ยิงจุดโทษพลาดในเกมที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเยือนแอนฟิลด์ เมื่อเดือนตุลาคม
การที่จอร์แดน พิคฟอร์ด ทำพลาดอย่างเหลือเชื่อในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน
เช่นกันกับการพลาดของ จูเลียน สเปโรนี ที่ทำให้ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะเหนือคริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนมกราคม
และล่าสุดกับการป้องกันที่ผิดพลาดของ ญอริส ในเกมเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ในด้านหนึ่งมันดูคล้าย “ดวง” ที่ส่งให้ลิเวอร์พูล เอาตัวรอดได้แบบน่าเหลือเชื่อ บางครั้งเข้าขั้นมหัศจรรย์ จนแอบคิดไม่ได้เทพธิดาแห่งโชคเธอคงชอบใจทีมชุดนี้เป็นพิเศษจึงหันมายิ้มให้บ่อยครั้งเหลือเกิน

แต่อีกด้านมันเกิดจาก “ความพยายาม” อย่างไม่ลดละ ความรู้สึกที่ไม่อยากจะผิดหวัง
ความรู้สึกนั้นที่ทำให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ไม่เคยหยุดวิ่งใส่ผู้เล่นคู่ต่อสู้
ความรู้สึกนั้นที่ทำให้ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ มีสติและใช้สัญชาติญาณกับมันสมองในการดักทางไม่ให้มุสซ่า ซิสโซโก้ คว้าชัยชนะให้สเปอร์ส
ความรู้สึกนั้นที่ทำให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ลองเสี่ยงเปิดบอลลึกเข้าไปที่เสาไกล
และความรู้สึกนั้นที่ทำให้ โม ซาล่าห์ ฉีกตัวไปหาที่ว่าง ก่อนจะตัดสินใจโหม่งบอลไปที่ประตูแม้จะไม่ถนัดนักก็ตาม
สิ่งที่เห็นในสนามอาจมีความน่ากังวลอยู่บ้างเมื่อเทียบกับฟอร์มที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
แต่วันนี้ ไม่ว่าจะไปได้ไกลถึงไหนกัน – ผมเชื่อว่าลิเวอร์พูล ค้นพบสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการจะก้าวเดินต่อไป
ไม่ใช่เฉพาะวันนี้ แต่หมายถึงอีกหลายปีนับจากนี้ครับ