“ชมต่อหน้า” ด่าลับหลัง

กรณีการใช้วาจาเป็น “อาวุธ” ของโจเซ่ มูรินโญ่ น่าจะเป็นหัวข้อที่ “พูดถึง” หรือทำให้ “ถกเถียง” ได้ไม่รู้จบ
เพราะไม่ว่าจะยุคสมัยคุมทีมใด แค่หลัก ๆ ทีมใหญ่ ๆ กับปอร์โต้, เชลซี, เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน กระทั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
มูรินโญ่ จะทำในสิ่งที่ “ผู้นำ” (ตาม “โมเดล” ปกติของโลกมนุษย์) ไม่กระทำกันนั่นคือ ด่าลูกน้องต่อหน้าสาธารณะชน หรือด่าผ่านสื่อ
แต่กุนซือโปรตุกีสทำสิ่งนี้จนเป็นเรื่องปกติ เป็นคาแร็กเตอร์ส่วนตัวที่ทุกคนต้อง “ยอมรับ” และทำความเข้าใจกับตัวเขาให้ได้
ทว่า หากนักเตะ หรือคนใกล้ชิดจะทำบ้าง มูรินโญ่จะเหมือนไม่ยอม และจะงัด “สถิติ” ต่าง ๆ มาหักล้างอย่างดุเดือด
สุดท้าย หากนักเตะจะอยู่กันได้ก็ต้อง “ยอมรับ” เคารพ และศรัทธา อันนำมาซึ่งผลการแข่งขันอันยอดเยี่ยมของทีม
แต่หากทำไม่ได้ ก็จะโดน “ดร็อป” ตามด้วยย้ายทีมหนีกันไป หรือถึงขั้น “ทีมแตก” ดังที่ประเมินไว้คร่าว ๆ ว่า “อายุงาน” มูรินโญ่จะอยู่ที่ประมาณ “ซีซั่นที่ 3” นั่นเอง
โดยผมจะไม่ “ระบุชื่อ” นักเตะในปัญหา หรือในคาถา “น้ามู” แล้วกันนะครับ เพราะเชื่อว่า คอบอลส่วนใหญ่น่าจะพอทราบ ๆ กันดีอยู่แล้ว
ส่วนนี้ของบทความจึงแค่ขอ “เกริ่น” ปูเรื่องให้เห็นภาพคร่าว ๆ กันก่อน
ในส่วนถัดมานำมาซึ่ง บท “อำลา” สโมสรปิศาจแดง อย่างเป็นทางการของ โจเซ่ มูรินโญ่ ที่น่าสนใจคือ กุนซือวัย 55 ปีเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงสถานการณ์ หรือ “ทุก” เหตุการณ์ หรือพาดพิงบุคคล แม้แต่สักนิด
โดยเจ้าตัวเน้นว่า ไม่ชอบ หรือไม่ใช่คนประเภทออกจากงานแล้วไป “พาดพิง” ทีมเก่าแบบที่หลายคนทำ
ดังนั้นสื่อมวลชนไม่ต้องถามให้เสียเวลา…
(อ่านบท “อำลา” ทั้งหมดได้ที่นี่ https://sportdesk.co/mourinho-say-goodbye/ นะครับ)
ฟังแล้วทำให้ น้ามู “ดูหล่อ” ขึ้นมากกับการเลือกคำพูดอำลาแบบมืออาชีพ ซึ้ง และกินใจเช่นนี้
ก่อนจะนำมาซึ่ง “คำถาม” ว่า แล้วทำไมตอนอยู่ถึง “ฟาดฟัน” ฟาดงวง ฟาดงา กับทุกคน
ประหนึ่งว่า ตอนอยู่ไม่ทำดีต่อกัน แต่พอ “ตาย” ไปแล้วกลับอยากทำอะไรดี ๆ
ไม่ได้จะพูดว่า มันผิด หรือถูก แต่อย่างใดนะครับ
เพียงแต่อ่านแล้ว “จึ๊ก” ขึ้นมาในหัว และอดคิดตามไม่ได้
รวมเข้ากับ “โมเดล ผู้นำ” ที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นแหละครับว่า ส่วนใหญ่จะชื่นชมลูกน้อง หรือคนรอบข้างต่อหน้าผู้คน เพื่อให้ “ได้ใจ” คนทำงานด้วยกัน
ครั้นจะ “ตำหนิ” ก็ให้ทำลับ ๆ หรือเรียกคุยเฉพาะตัวไปไม่ให้เค้าเสียหน้า หรือละอาย
แต่ โจเซ่ มูรินโญ่ ไม่เป็นเช่นนั้น และคงจะไม่มีทางเป็น…