วิเคราะห์แดงเดือด 20.10.19

มากกว่า VAR 2 หนที่ไม่เป็นใจให้ลิเวอร์พูลในครึ่งแรก ผมเชื่อว่า โอเล กุนนาร์ โซลชา สามารถมองโลกโพสิทีฟได้กับแท็คติกส์ 3-4-3 ที่วางหมากเข้าสู้กับ 4-3-3 ของเยอร์เกน คลอปป์ และ…….
เรียกว่า หากไม่ได้นำ 1-0 ผลงานในครึ่งแรกของทีมปิศาจแดงถือว่าน่า “พอใจ” มากกว่าอยู่แล้ว
ไลน์รับ 3 คนประกอบด้วย ลินเดอเลิฟ-แม็คไกวร์-โรโฮ; มิดฟิลด์ 4 คน เฟรด กับแม็คโทมิเนย์ ยืนคู่กลาง ซ้ายเป็นอาจารย์ยัง และขวาได้ วาน บิสซากา กลับมา ส่วนประตูก็ เด เกอา ผ่านเช็คฟิต
3 ประสานแดนหน้า อันเดรส เปเรย์รา, แรชฟอร์ด และเจมส์
ดูไปดูมา ถือว่า หยุดฟีฟ่าเดย์ไป 2 สัปดาห์ โซลชาคงได้มีเวลาไปทำการบ้าน และหารือกับทีมงานก่อนจะคลอดสูตรการเล่นเหมือน อันโตนิโอ คอนเต้ ตอนพาเชลซีได้แชมป์ลีกออกมาต่อกรในเกมนี้
“เหลือเชื่อ และทำได้ดีเกินคาด” น่าจะเป็นบทสรุปครึ่งแรกนะครับ
ไลน์รับไม่ยืนต่ำไป ขณะที่มิดฟิลด์โดยเฉพาะริมเส้นทำเกมรุกได้ดี สนับสนุนเกมด้านข้างกับตัวบนที่สลับตำแหน่งกันตลอดเวลาได้เยี่ยม
งานนี้เล่นเอา จำนวนครอสส์เข้ากลาง และการเติมของเทรนท์ กับโรเบิร์ตสัน มีน้อยกว่าปกติ และต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในแดนตัวเอง
เฟรด กับแม็คโทมิเนย์ทำงานหนัก แต่ด้วยระบบนี้เมื่อ “ฟังก์ชั่น” ได้สมบูรณ์จะทำให้ positional play จะได้เปรียบ หรือไม่รองคู่แข่ง
ชอยส์ออกบอลจึงมีให้เลือก, บอลจังหวะก็เก็บได้ และออกบอลทางลึกได้อันตรายโดยพยายามเพรสซิ่งในแดนลิเวอร์พูลก่อน แต่หากทำไม่สำเร็จก็จะถอยร่นมาเป็น 5-4-1
ทุกอย่างเป็นตามตำราโดยหงส์แดงปรับขบวนท่าไม่ทันนัก คือไม่ถึงกับ “ขี้เหร่” แต่ก็ไม่ดี ยิ่งประตูที่เสีย VAR มองว่าโอริกี้ไม่โดนฟาล์วเสียอีก (อาจจะเพราะจับห่างตัว) ทั้งที่โดนลินเดอเลิฟสอยจริง ๆ
ลิเวอร์พูลแม้จะมีโอกาส และทำได้ดีระดับไม่ได้เสียหายหากไม่เพราะจังหวะนั้นฝั่งซ้ายรวมถึงโรเบิร์ตสันกำลังเติมเต็มสูบก็ถือว่าไม่ได้พลาดอะไร
ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล “เร่งสปีด” เกม speed of play มากขึ้น แต่แมนฯยูฯทีมนี้ไม่ใช่ทีมที่แพ้ 3 จาก 8 นัดแรกของฤดูกาล หรือที่เพิ่งแพ้น่าเกลียดให้กับนิวคาสเซิลก่อนพักเบรกทีมชาติ
นักเตะวันนี้ดูมี “ความสุข” กับระบบวิธีการเล่นใหม่ และดูมุ่งมั่นจะพิสูจน์ตัวเองมากเป็นพิเศษกับลิเวอร์พูลที่ชนะในลีกมาติดต่อกัน 17 นัด
เพียงเท่านี้ก็พอเพียงให้ลิเวอร์พูลต้องเจอกับเกมที่ยากที่สุดนัดหนึ่งของซีซั่นได้แล้ว
ซึ่งก็คงไม่ต่างจากที่เชลซี และเลสเตอร์ ที่ทำได้ดีมากโดยเฉพาะเปอร์เซนต์การครอบครองบอลแต่แพ้แมนฯยูไนเต็ดในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อนหน้านี้
ลิเวอร์พูลเองแม้จะครองบอลได้มาก แต่ในเชิงการ dominate หรือแสดงความเหนือกว่ากลับทำได้ไม่เด่นชัด
จนนาทีที่ 60 คลอปป์ต้องถอดโอริกี้ซึ่งเล่นตัวจริงแทน ซาลาห์ที่ยังไม่หายบาดเจ็บข้อเท้าออกแล้วส่ง อเล็กซ์ ออกเลด-แชมเบอร์เลน ลงไปแทน
ช่วงนี้ ลิเวอร์พูลเริ่มจะ dominate ได้เป็นครั้งแรก เพราะเริ่มได้เห็นนักเตะปิศาจแดงถอยลงไปรับถึงกรอบเขตโทษให้หงส์แดงได้เริ่มนวด
ส่วนปิศาจแดงก็เหมือน “เข้าทาง” เพราะพร้อมจะโต้กลับด้วยความเร็วสูงเหมือนทีได้ประตูแรกอยู่แล้ว และยังได้เห็นแท็คติกส์ บีบ กดดัน ตัวรับบอลตรงกลางของหงส์แดงไม่ให้พลิก แถมคอยแซะแล้วเคาน์เตอร์แอทแทคพร้อมจะทำงานตลอดเวลา
รวมความแล้ว ลิเวอร์พูลไม่ได้พลาดน่าเกลียด แต่แมนฯยูฯ มาดีจริง ๆ และอาจเจอจุดเปลี่ยนกับการเล่นระบบ 3-4-3 ได้เช่นกัน
สรุป นี่คือ “แดงเดือด” ที่สมศักดิ์ศรี ดูสนุก กลยุทธ์ แท็คติกส์ดี และเหมาะสมกับแบ่งแต้มครับ