ไม่ใช่ “ฟ้าเทา”

“ผมค้นหาข้อมูลในหลายปีที่ผ่านมาของทีมต่าง ๆ และทีมเรา ผมจำได้ว่า 3 ปีก่อน ลิเวอร์พูลเตะในยูโรป้า คัพ นัดชิงฯ ตอนนั้นยังอยู่ท็อป 4 ของตาราง พัฒนาการของพวกเขาเป็นการก้าวหน้าที่ดี บางทีกับแมนฯซิตี้ อาจแตกต่างออกไป เพราะพวกเขาซื้อนักเตะสำคัญ ๆ จ่ายเงินจำนวนมากซึ่งเราไม่น่าจะทำได้ แต่แนวทางของเราน่าจะเป็นแบบลิเวอร์พูล, สเปอร์ส โดยเน้นมากขึ้นกับนักเตะอายุน้อย เลือกใช้นักเตะให้เป็นเพื่อช่วยเราพัฒนา เรากำลังทำสิ่งนี้อยู่ เราต้องการเวลา แต่เราก็จำเป็นต้องเค้นความสามารถตัวเราออกมาด้วย” – อูไน เอเมรี่
บทสัมภาษณ์ข้างต้นถอดมาจากงานเขียนของคุณเอมี่ ลอว์เรนซ์ จาก “เดอะ การ์เดี้ยน” นะครับ
ผมเอ่ยชื่อเธอทำไม?
คุณเอมี่ จัดเป็นผู้สื่อข่าวในยุคนั้นประมาณยุคเปลี่ยนมิลเลนเนียม หรือแถว ๆ ค.ศ.2000 ผมเจอกับเขาบ่อยมากทั้งในเกมพรีเมียร์ลีก และบอลทัวร์นาเมนท์ใหญ่ เช่น UCL Final, ยูโร ตั้งแต่ปี 2000 (ที่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอ)
ประเด็นคือ เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วเธอเป็นนักข่าวสาวอังกฤษที่น่ารักระดับเป็น blogger สาวสวยตัวดังในสมัยนี้ 2019 ได้เลย
กาลเวลามันผ่านไปเร็วนะครับ วันนี้เธอยังทำงานเดิมอยู่
ดูดี เท่ห์ และงาน “คุณภาพ” คับแก้วเหมือนเดิม เหมือนไวน์ที่ยิ่งถูกเพาะบ่มยังไงยังงั้น
เฉพาะยามเขียนเรื่องอาร์เซนอล ทีมโปรดของเธอ
แนะนำนะครับในเว็ปไซต์ theguardian.co.uk/football ไปตามอ่านงานของเธอได้
ข้างฝ่ายผมเอง จากวันนั้นถึงวันนี้ ตัวเองเปลี่ยนอาชีพจากผู้สื่อข่าวกีฬาที่เริ่มต้นปี 1995 ไปทำ “การตลาด” ด้านกีฬาในปี 2008 โดยแขวนสตั๊ดหลังจบทัวร์นาเมนท์ “ยูโร 2008” ที่เดินไปสวิส-ออสเตรีย กับ “ลูกแม่กิ่ง” ที่ปัจจุบันนี้เรามาเปิดบริษัท Sports Services ให้บริการทุกอย่างด้านกีฬา ชื่อ “SPORTDesk.” เมื่อ ก.ย.2017 ด้วยกัน
หลังจากทำงานด้านการตลาดกีฬาหลัก ๆ ให้กับ ทรู วิชั่นส์ ประมาณ 4 ปี และแอร์เอเชีย ประมาณ 4 เดือน ผมก็ผันตัวออกจากการทำงานประจำหลังเหตุการณ์น้ำท่วม 2554
อะไร ๆ ผ่านไปไว และไม่แน่นอนครับ
ในเพจ “ไข่มุกดำ” มีแฟน ๆ อาร์เซนอล และจริง ๆ แล้ว เชลซี ก็ไม่น้อย แต่มากที่สุดก็แน่นอน ลิเวอร์พูล ตามตัวผมเอง
แฟนปิศาจแดงก็มีน้อง ๆ ที่รู้จักแทรกอยู่บ้าง แต่ผมไม่แน่ใจในภาพรวมว่ามีประมาณไหน แต่คิดว่า ไม่เยอะ รวมถึงทีมอื่น ๆ นอกจากนี้
เมื่อวานที่เขียนเรื่อง “ซาร์รี – ฟางเส้นสุดท้าย” อิง ๆ “Sarri-ball” ก็ถือว่า กระแสดีมาก และต้องขอบคุณเพจ Chelsea Thailand ที่มาช่วยแชร์ออกไป
คำถามมีตามเหมือนกันจากแฟน ๆ เชลซีที่เพิ่งหล่นไปอันดับ 5 หลังแพ้บอร์นมัธ ยับ 0-4 สกอร์โหดสุดในรอบ 23 ปี
คำตอบอ่านได้จากงานเมื่อวานของผมนะครับ http://bit.ly/2UxQzsf
ขณะที่มีการเปรียบเทียบ และคำถามกับผลงานของอาร์เซนอลในอันดับ 4 ที่มี 47 คะแนนเท่ากับเชลซีนั่นแหละครับด้วยเช่นกัน
คำตอบ ผมคิดว่า บทสัมภาษณ์ต้นบทความ และสิ่งที่ได้เห็นในสนามของอาร์เซนอลตลอดเวลาแค่ 8 เดือนของกุนซือสแปนิช บ่งบอกทุกอย่างนะครับ
คนที่สามารถ “อธิบาย” สิ่งที่ตัวเองคิด และทำได้เป็น “ภาพ” ชัดเจนแบบนี้
สามารถถ่ายทอดให้เห็นในสนามได้แบบตอนนี้ก่อนจะเยือน แมนฯซิตี้ อันเป็นอีกบททดสอบในวันนี้ อาทิตย์ที่ 3 ก.พ.
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า อาร์เซนอล เลือกกุนซือไม่ผิด หรืออย่างน้อย ๆ คือ หา “ตัวเปรียบ” มาเป็นแคนดิเดทกับเอเมรี่ได้ยาก
ในเชิง coaching points ปัญหาอาร์เซนอลแทบไม่มีอะไร
เพราะหาก “ยกชุด” กองหลังใหม่ ปัญหาน่าจะจบ
เพราะเกมรับชุดนี้หลัง เบเญริน เจ็บยาว, กอสเชียลนี และโซคราติส เพิ่งมาเจ็บไปในเกมแพ้แมนฯยูฯ 1-3 จนแทบไม่เหลือเซนเตอร์ฮาล์ฟ หรือฟูลแบ็ค
อาร์เซนอล ก็ไม่ได้มีกองหลังที่ดีอยู่แล้วทั้งในแง่ความแข็งแกร่ง (เจ็บบ่อย) หรือคุณภาพ สถานการณ์จึงยิ่งยาก
ขณะที่กองกลาง และกองหน้า จัดได้ว่า กำลังแบกทีมรับกันอยู่ และต้องทำงานหนักในการช่วย “แบ่งเบา” ไม่ให้แผงหลังรับภาระเต็ม ๆ เพราะจะช่วยรับตั้งแต่แดนบนตามรูปแบบ และแท็คติกส์ในแต่ละเกม
อาร์เซนอล ยังเล่นได้ทั้งระบบ “หลัง 3” หรือ “หลัง 4”
“หน้าคู่” หรือ “หน้าเดี่ยว” หรือ “หน้าสาม”
กลางคู่แบบ double pivot หรือเดี่ยวแบบ holding ball ตัวเดียว
รูปแบบวิธีก็ชัดเจนว่าพยายาม play out from the back หรือเซ็ตบอลจากผู้รักษาประตู (เลโน – ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องความแน่นอน)
แต่ในเชิงการ scouting หรือ “แมวมอง” จะเห็นได้ว่า อาร์เซนอล มีรูปแบบ และหลากหลายกลยุทธ์ กลวิธี
เรียกได้ว่าเป็นทีม “มีของ” ซ่อนอยู่ และมองเห็นอนาคตอย่างแน่นอน
ขาดเพียงแค่ “คุณภาพ” บางตำแหน่งโดยเฉพาะแผงหลังเท่านั้น
ครับ กับปีแรก และมีภาพชัดเจนขนาดนี้ซึ่งดูแล้วไม่ใช่ “ภาพลวง”
อนาคตของอาร์เซนอลถึงแม้จะไม่ได้สว่างไสวขนาด “ฟ้าใส”
แต่ก็ไม่ใช่ “ฟ้าเทา” แบบ กทม.แน่นอน (55 ยังอุตส่าห์วกกลับมา 🙂 )