สมศักดิ์ศรี “เจ้าเอเชีย”

ต้องยินดี “สถานเดียว” กับกาตาร์ ที่สามารถคว้าแชมป์ เอเชียน คัพ สมัยแรกมาครองในปี 2019 ได้สำเร็จหลังชัยชนะเหนือตัวเต็งอย่าง ญี่ปุ่น สวยงาม 3-1
Turning points หนีไม่พ้นประตูแรกของเกมนาทีที่ 12 จาก อัลมอซ อลี ดาวยิงประจำทีมที่หันหลังจับบอล แล้วแตะบอลขึ้นอีก 1 จังหวะก่อนจะจักรยานเข้าประตูในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังเริ่มครองเกมได้ตามสไตล์
อีกครั้งคือ จุดโทษ 3-1 หลังญี่ปุ่นที่ไล่จาก 0-2 มาเป็น 1-2 และกำลังทำได้ดีเพื่อบี้ประตูตีเสมอ แต่เพราะ VAR ทำให้ มายะ โยชิดะ ถูกตัดสินว่า “แฮนด์บอล” แบบโชคไม่เข้าข้างนาทีที่ 83
คนสังหารจุดโทษก็คือ อีก “สตาร์” ประจำทีม อคราม อฟิฟ ทำให้ทัพ “ซามูไร บลูส์” ยากเหลือเกินจะคัมแบ็ค
ที่สุดแล้ว กาตาร์ คว้าแชมป์สมัยแรก ทิ้งให้ญี่ปุ่นแพ้เป็นครั้งแรกจาก 5 ครั้งที่ได้เข้าชิงชนะเลิศ
ในแง่ coaching points ผมเชื่อว่านี่คือ good football ที่สุดยอดในระดับสร้างความภาคภูมิใจให้ชาวเอเชีย “ไม่อาย” ชาวโลก
ทั้ง 2 ทีมมี “หัวใจ” จะเล่นเกมรุก หรือมีความพยายามจะสร้างสรรค์ฟุตบอลที่สวยงาม และเป็นโพสิทีฟ
ญี่ปุ่น คือทีมที่ดีที่สุดในการเล่น pressing และดันไลน์รับขึ้นสูงเพื่อสร้างเกมในแดนคู่แข่ง แม้เกมนี้จะไม่ง่ายกับกาตาร์ที่สร้างความยากลำบากให้ทัพซามูไรในการเจาะ final third และพร้อมจะโต้กลับเร็วอันเป็นที่มาของทั้ง 3 ประตูที่มี “รายละเอียด” ให้ศึกษาแบบลึกซึ้ง
ลูกทีมของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ยังโดดเด่น และทำได้ดีในการ counter pressing หรือแย่งบอล/รุมแย่งบอลคืนทันทีหลังเสียการครองบอลจากเกมรุก
ครับ ทุกคนทำงานหนัก และไล่บอล และมีระบบการเล่นฟุตบอล 4-2-3-1 ที่สวยงาม
ขณะที่กาตาร์ ของกุนซือสแปนิช เฟลิกซ์ ซานเชส จะชาญฉลาดในการเล่นแม้กว่าครึ่งทีมจะอายุไม่เกิน หรืออยู่แถว ๆ 22 ปีเท่านั้น
ทีมชาติเจ้าภาพบอลโลก 2022 รับสูง เคลื่อนที่ดี และมีความรวดเร็วในการเข้าทำแถมยัง “คม” สุด ๆ ในจังหวะสุดท้าย
โดยเฉพาะ อัลมอซ อลี ดาวซัลโวสูงสุด 9 ประตูจาก 7 นัดที่คว้ารางวัล MVP ไปครองอีกตำแหน่งแบบสบาย ๆ
ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้ กาตาร์น่าจะจับตาอย่างมากในฟุตบอลโลกสมัยหน้าที่ตัวเองเป็น “เจ้าภาพ”
เพราะทิศทางนั้นมาถูกต้องอย่างแน่นอน เฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จมาแล้วพร้อม ๆ กับ “สไตล์” การเล่นด้วยทีมอายุน้อย และกุนซือที่หนุ่มแน่น (43 ปี)
ส่วนญี่ปุ่นเองก็ไม่ต้อง “เสียใจ” ครับ เพราะทำได้ดีมากตามมาตรฐาน เพียงแต่ประตูแรก และประตูที่ 3 ของกาตาร์ คือ จุดเปลี่ยนจริง ๆ
ไม่นับประตูที่ 2 โดย อับดูลาซิซ ฮาเต็ม ที่ปั่นโค้งด้วยซ้ายเสียมุมในระดับเป็นประตูแห่งทัวร์นาเมนทืได้เช่นกัน
ครับ เอเชียน คัพ 2019 ได้ผลิตฟุตบอลที่ดี และทีมชาติไทยของเราได้โอกาสเข้าร่วมรอบสุดท้ายก่อนจะได้รับ “บทเรียน” อันมีคุณค่าเปลี่ยนม้ากลางศึก และน่าจะเห็นแสงสว่างรำไร ๆ อีกครั้ง ณ ปลายอุโมงค์ให้ได้เริ่มต้นเดินทางกันใหม่
ส่วนคู่ชิงชนะเลิศก็ได้ทีมที่ “ดีกว่า” และดีที่สุดในทัวร์นาเมนท์ กาตาร์ คว้าแชมป์ไปครองครับ